เป็นที่จับตามองเรื่องมาก สำหรับเรื่องนี้ ที่ กสทช. จะควบ ทรู-ดีแทค เข้าด้วยกัน มีคนไม่เห็นด้วยเป็นจำนวนมาก จนทำให้หยุดผูกขาดมือถือ ขึ้นเทรนด์ Twitter อันดับ1 วันนี้
มาลุ้นกันว่า ผลการประชุม ของ กสทช. จะเป็นอย่างไร จะอยู่ข้างประชาชนหรือไม่ หลังจากที่ ทรู-ดีแทค ยื่นหนังสือถึง กสทช. เพื่อให้นำเรื่องการรวมธุรกิจระหว่าง ทรู-ดีแทค มาพิจารณาโดยเร็ว หลังยื่นรายงานไปตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม 2565 และได้ให้ความร่วมมือนำส่งข้อมูลเพิ่มเติมตามที่สำนักงาน กสทช. ร้องขอมาโดยตลอด เพราะจะเกิดผลเสียกับประชาชนมากกว่าผลดี
ประชาชนจึงต้องออกมากดดัน มีการทวิต หยุดผูกขาดมือถือ #หยุดผูกขาดมือถือ จนติดเทรนด์ เพราะถ้าถ้า กสทช.อนุญาติ ผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือ ก็จะเหลือพียง 2 เจ้าเท่านั้น จะส่งผลทำให้ค่าบริการมือถือ แพงขึ้นอย่างแน่นอน
ทรู-ดีแทค ยื่นหนังสือถึง กสทช. หยุดผูกขาดมือถือ เมื่อวานนี้ ( 11 ต.ค. 65)
ทรู-ดีแทค ยื่นหนังสือถึง กสทช. หยุดผูกขาดมือถือ เมื่อวานนี้ ( 11 ต.ค. 65) เพื่อให้นำเรื่องการรวมธุรกิจระหว่างทรู-ดีแทคมาพิจารณาโดยเร็ว หลังจากที่ยื่นมาตั้งแต่ วันที่ 25 มกราคม 2565
จักรกฤษณ์ อุไรรัตน์ หัวหน้าคณะผู้บริหาร ด้านรัฐกิจสัมพันธ์ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การมายื่นหนังสือถึงประธานและคณะกรรมการ กสทช. อย่างเป็นทางการนี้ เพื่อให้ กสทช. พิจารณาการควบรวมโดยเร็ว เนื่องจากได้ยื่นเอกสารตั้งแต่วันที่ 25 มกราคมที่ผ่านมา จนล่วงเลยมาถึง 9 เดือน ยังไม่มีบทสรุปเป็นทางการจาก กสทช. ซึ่งปกติต้องพิจารณาภายใน 90 วัน
โดยทรูและดีแทคเข้าใจดีว่าคณะกรรมการต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ แต่ด้วยการใช้เวลาพิจารณาเรื่องนี้เกินกว่าที่กฎหมายได้กำหนดไว้มานานแล้ว ได้เกิดผลกระทบต่อผู้บริโภคทั้งทรูและดีแทค ซึ่งจะยังใช้บริการและโครงข่ายร่วมกันไม่ได้
“เพราะฉะนั้นจึงอยากขอความเป็นธรรมจาก กสทช. ให้ช่วยเร่งรัดพิจารณาไม่ให้เกิดความล่าช้าไปมากกว่านี้ และหาก กสทช. เห็นควรให้มีมาตรการตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ให้บริษัทผู้ควบรวมปฏิบัติ ก็ขอให้พิจารณามาตรการที่เหมาะสม โดยยึดถือหลักของผู้บริโภค และการเติบโตของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมควบคู่กันไป”
ด้าน เลิศรัตน์ รตะนานุกูล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายประสานงานภาครัฐ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค กล่าวว่า กระแสตอบรับการควบรวมจากลูกค้าดีแทคเป็นไปในทางที่ดี เพราะทำให้การใช้บริการดีขึ้น ซึ่งทุกองค์กรต้องมีการทำวิจัยเพื่อสอบถามความคิดเห็นของลูกค้าว่ามีผลอย่างไร แต่เท่าที่บริษัทได้วิจัยแล้วเห็นว่าไม่มีผลในแง่ลบ มีแต่แง่บวก ซึ่งยืนยันได้ว่าลูกค้าดีแทคจะได้ใช้งานเครือข่ายที่ดีขึ้น พื้นที่ใช้งานเพิ่มขึ้น และคุณภาพบริการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างแน่นอน
จักรกฤษณ์กล่าวสรุปเพิ่มเติมว่า สำหรับมาตรการที่ทาง กสทช. จะกำหนด ยังไม่ทราบว่ามีข้อใดบ้าง ตามที่มีข่าวว่าจะไม่ให้รวมคลื่นนั้น มองว่า กสทช. น่าจะไม่มีข้อนี้ เพราะการรวมคลื่นทำให้ผู้บริโภคได้ประโยชน์สูงสุด ลูกค้าทั้งสองบริษัทสามารถใช้โครงข่ายร่วมกันได้ และในส่วนความกังวลว่าจะเกิดการผูกขาด ราคาค่าบริการจะสูงขึ้น และจะทำให้ผู้บริโภคเดือดร้อนหรือไม่ เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะ กสทช. มีประกาศเรื่องอัตราค่าบริการ มีการกำหนดอัตราค่าบริการขั้นสูงสุด กสทช. สามารถกำกับได้อย่างมีประสิทธิภาพอยู่แล้ว
“ในขณะที่เรื่องคุณภาพยิ่งไม่ใช่ปัญหา เชื่อได้ว่าจะดียิ่งขึ้น นอกจากนี้การควบรวมธุรกิจยังจะช่วยลดความซ้ำซ้อนในการลงทุน ทั้งนี้ หากวันนี้ (12 ตุลาคม) ยังไม่มีการลงมติ ก็อยากขอความเห็นใจ และขอให้เข้าใจว่าวันนี้ เรามีผู้ถือหุ้น ลูกค้า ประชาชนที่รออยู่ ซึ่งได้รับความเสียหายโดยตรง รวมถึงสังคมและประเทศชาติ ถ้าควบรวมกันได้ก็จะสามารถต่อยอด 5G ได้เร็วขึ้น”
ขอบคุณข้อมมูลจาก thestandard
อ่านข่าวที่น่าสนใจ